คำต่อท้ายในภาษาอังกฤษ
เนื้อหาในหน้านี้
คำต่อท้ายคือตัวอักษรหรือกลุ่มตัวอักษรที่ต่อท้ายคำภาษาอังกฤษอีกทีหนึ่ง คำต่อท้ายเหล่านี้มักจะใช้เพื่อแสดงส่วนหนึ่งของคำพูด ตัวอย่างเช่น การเพิ่ม "ion" ลงในคำกริยา "act" ซึ่งเมื่อมีการรวมตัวของสองคำนี้แล้วจะทำให้เกิดคำใหม่ที่มีความหมายใหม่ขึ้นมาใน ณ ที่นี้ก็จะกลายเป็นคำว่า "action" ที่เรารู้จักกันดี ซึ่งเป็นรูปแบบของคำนาม
คำต่อท้ายยังบอกเราถึงกริยากาลของคำหรือชี้ให้เราสามารถแยกแยะได้ว่าคำนั้นเป็นคำพหูพจน์ (plural) หรือเอกพจน์ (singular) อีกด้วย คำต่อท้ายที่ใช้กันทั่วไป ได้แก่ -er, -s, -es, -ed, -ing, และ -ion
ซึ่งอย่างที่ได้อธิบายไปข้างต้น การเพิ่มคำต่อท้ายนั้นจะเปลี่ยนลักษณะ รูปแบบ และความหมายของคำได้ และคำต่อท้ายบางคำก็มีความหมายมากกว่าหนึ่งความหมายอีกด้วย ตัวอย่างเช่น คำต่อท้าย -er อาจจะทำหน้าที่แนะนำอาชีพของบุคคล เช่น คำว่า ‘teacher’ ที่แปลว่า ‘คุณครู’ แต่ก็สามารถที่จะเอา ‘-er’ ไปเติมต่อท้ายคำคุณศัพท์และคำวิเศษณ์ได้ด้วย โดยสำหรับความหมายที่สองนี้ ‘-er’ จะทำหน้าที่เปรียบเทียบของสองสิ่งและแสดงให้เห็นว่าสิ่งหนึ่งนั้น "มากกว่า" อีกสิ่งหนึ่งเช่นในคำว่า "happier" และ "quicker" เป็นต้น
Understanding Suffixes มาทำความเข้าใจคำต่อท้ายในภาษาอังกฤษกัน
ตัวอย่าง คำต่อท้าย คำศัพท์ และความหมาย
- ‘-er’ – funnier ตลกกว่า (เปรียบเทียบให้รู้ว่ามากกว่า) , singer – นักร้อง (อาชีพหรือสิ่งที่ทำ)
- ‘-s’ – kidàkids เด็กๆ (เปลี่ยนจากคำเอกพจน์เป็นพหุพจน์)
- ‘-es’ – quizàquizzes ข้อสอบ (เปลี่ยนจากคำเอกพจน์เป็นพหุพจน์)
- ‘-ed’ – coverà covered ปิดบัง/บดบัง (เปลี่ยนจากปัจจุบันกาลให้เป็นอดีตกาล)
- ‘-ing’ – playàplaying กำลังเล่น (เปลี่ยนให้เป็นคำกริยานามหรือ Gerund โดยเพิ่ม –ing)
- ‘-ion’ – communicateàcommunication การสื่อสาร (เปลี่ยนจากคำกริยาให้กลายเป็นคำนาม)
พูดคุย
ร่วมให้กำลังใจหรือติชม