ซีรีย์ Kingdom บน Netflix
สวัสดีแฟน ๆ ซีรีย์ทุกคนในช่วงสถานการณ์บ้านเมืองแบบนี้ หลายคนก็คงจะไม่ได้ออกนอกบ้านกันนัก สิ่งที่จะช่วยให้การอยู่บ้านไม่น่าเบื่อก็คงจะมีอยู่ไม่กี่อย่าง หนึ่งในนั้นก็คือการหาภาพยนตร์หรือซีรีย์ดูฆ่าเวลา ซึ่งนอกจากการดูเอาความเพลิดเพลินอย่างเดียว ส่วนใหญ่ซีรีย์หรือภาพยนตร์ที่เราดูก็จะมีซับภาษาอังกฤษแทบจะทุกเรื่อง ดังนั้นในวันว่าง ๆ แบบนี้เรามาเรียนรู้คำศัพท์จากสิ่งที่เราดูไปพร้อมกันยิ่งจะทำให้การอยู่บ้านของเราได้พัฒนาศักยภาพตัวเองไปด้วย
และซีรีย์ที่ผมจะขอแนะนำเชื่อว่าหลายคนต้องเคยดูแล้วแน่นอนเป็นซีรีย์จาก Netflix เรื่อง Kingdom ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด หรือใครที่ยังไม่เคยดูและกำลังตัดสินใจดูลองมาฟังเนื้อเรื่องคร่าว ๆ กันก่อนครับ
Season 1
ณ ตอนนี้ซีรีย์ Kingdom มีด้วยกันทั้งหมด 2 ซีซั่น เปิดซีซั่นแรกมาด้วยเรื่องราวของ “อีชาง” รัชทายาทแห่งเมืองฮันยางที่ต้องการเข้าไปดูอาการประชวรของพระบิดาแต่กลับถูกขัดขวางโดย “พระมเหสีโจ” จึงได้ทำการลักลอบเข้าไปตำหนักและได้พบกับบันทึกการรักษาของพระบิดาจึงมั่นใจว่าตำหนักต้องมีความลับปกปิดอยู่เป็นแน่ จึงได้ออกตามหา “หมออี” หมอผู้ถวายการรักษา ในอีกด้าน “โจฮักจู” เสนาบดีบ้าอำนาจก็ได้ปกปิดความลับที่ว่าฝ่าบาทได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ได้เรียกหมออีมาถวายการรักษาโดยใช้สมุนไพรคืนชีพรักษาเพื่อถ่วงเวลาการให้กำเนิดรัชทายาทองค์ต่อไปจากพระมเหสีโจ แต่ปรากฏว่าสมุนไพรนั้นทำให้พระองค์ฟื้นขึ้นมาเป็นซอมบี้และกัดหมอที่ติดตามหมออีมาด้วยเสียชีวิตไป 1 คน หมออีนำร่างหมอคนนั้นกลับมาที่สำนักแพทย์แห่งเมืองทงเรด้วย ในขณะนั้นสำนักแพทย์แห่งนี้ก็อดยากขาดอาหาร “ยองชิน” ชายจรจัดจึงเกิดความคิดนำร่างไร้วิญญาณนั้นมาทำอาหารให้ผู้คน ทำให้คนที่รับประทานเข้าไปได้รับเชื้อซอมบี้ เมื่ออีชางเดินทางมาถึงสำนักแพทย์ก็พบเข้ากับซากซอมบี้จึงนำไปแจ้งเจ้าเมือง “ซอบี” หมอหญิงผู้รอดจากสำนักแพทย์นั้นได้เข้ามาเตือนว่ายามค่ำศพพวกนั้นจะตื่นขึ้นมาไล่ฆ่าแต่โดนมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ และตกกลางคืนศพเหล่านั้นก็ได้ออกไล่ล่าคนในเมืองจนต้องอพยพหนี ผู้คนที่รอดชีวิตอีชางได้พามายังเมืองซังจูและเตรียมพร้อมสำหรับการรับมือกับเหล่าผีดิบที่กำลังจะมาถึงและซีซั่น 1 ก็ได้จบลง
Season 2
มาต่อกันที่ซีซั่นที่ 2 เปิดมาด้วยฝูงผีดิบที่ไล่ตามมาตั้งแต่ซีซั่นที่ 1 ที่เมืองซังจูกองกำลังอีชางรับมือไม่ไหวจึงได้ถอยหนีและเข้ามาในเมืองได้สำเร็จแต่ก็ต้องแลกกับหลายชีวิต กองกำลังและชาวบ้านต่างหมดกำลังใจ ผู้ว่าเฒ่าได้หวนนึกถึงอดีตเมื่อ 3 ปีก่อนในระหว่างสงครามโชชอนและญี่ปุ่น “อันฮยอน” ในตำแหน่งผู้ว่าการสูงสุดกำลังหารือกับ “โจฮักจู” เรื่องกลยุทธ์การศึก โจฮักจูได้เสนอใช้สมุนไพรคืนชีพกับชาวบ้านเพื่อมาเป็นทหารสู้กับญี่ปุ่นและแล้วก็ชนะสงครามจนได้โดยไม่มีใครล่วงรู้เรื่องคนตายฟื้นคืนชีพนี้ ด้านหมอหญิงซอบีเองที่กำลังติดอยู่กับฝูงผีดิบไม่มีทางกลับเข้าซังจูได้จึงได้ตัดสินใจไปยังมูนยองซีเจที่ที่โจฮักจูและทัพหลวงเฝ้าอยู่ ทางเมืองซังจูเองก็ประสบกับปัญหาไฟไหม้กองเสบียงทางอีชางจึงวางแผนจะเข้าโจมตีมูนยองซีเจ เมื่อเข้าไปได้หารู้ไม่ว่าเสียท่าให้กับเสนาบดีเจ้าเล่ห์เสียแล้ว โจฮักจูนำซอมบี้ฝ่าบาทมาให้อีชางสู้เพื่อที่จะได้ใส่ร้ายอีชางว่าเป็นคนลอบฆ่าพระองค์ หลังจากคืนนั้นเมืองมูนยองซีเจก็กำลังนำร่างทหารที่ลักลอบเข้ามาไปทำพิธี แต่แล้วร่างที่เสียชีวิตของอันฮยอนก็ได้ฟื้นขึ้นมาต่อหน้าทหารจากเมืองหลวงที่ไม่เคยรู้เรื่องผีดิบ หลังจากนั้นซอบีและโจฮักจูก็ถูกนำตัวไปยังเมืองหลวง ด้านกองกำลังต่อต้านนำโดยอีชางก็มุ่งสู่เมืองหลวงเช่นเดียวกัน ที่นั้นมเหสีโจรออยู่แล้วพร้อมกับรัชทายาทน้อยที่นางนำมาจากหญิงคนอื่นที่คลอด เสนาบดีโจเสียรู้ให้แก่ลูกสาวโดนวางยาพิษเสียชีวิต เพื่อที่นางจะได้ขึ้นครองทุกอย่าง เมื่อชางเข้ามายังตำหนักหลวงได้มเหสีโจก็ได้ปล่อยฝูงผีดิบที่นางขังไว้ใต้ดินออกมาโจมตี ฝูงผีดิบได้เข้าโจมตีพวกของอีชาง ตัดภาพมาที่หมอหญิงซอบีที่ตอนนี้อยู่ในตำหนักกับพระมเหสีโจที่มีฝูงผีดิบกำลังโจมตีเข้ามา พระมเหสีโจนั้นเพียงนั่งกอดเด็กอยู่บัลลังก์ไม่ยอมหนีไปไหนจึงถูกซอมบี้ฆ่าตายและซอบีก็พาเด็กคนนั้นออกมาได้แต่เด็กมีร่องรอยถูกกัด ด้านอีชางก็นึกขึ้นได้ว่าสวนหลังตำหนักมีสระน้ำขนาดใหญ่จึงได้ล่อฝูงผีดิบไปที่นั้นแต่ขณะนี้เป็นช่วงฤดูหนาวน้ำจึงกลายเป็นน้ำแข็ง และในที่สุดฝูงผีดิบก็วิ่งเข้ามาอีชางพยายามสั่งให้เหล่าทหารทำลายน้ำแข็งแต่อีชางและเหล่าทหารจำนวนไม่น้อยถูกกัดก่อนจะทำลายแผ่นน้ำแข็งหนาได้และหยุดพวกผีดิบลงได้ 7ปีต่อมาองค์รัชทายาทน้อยเติบใหญ่เป็นองค์ชายน้อยด้านอีชางก็ก่อตั้งขณะเดินทางออกหาความจริงเกี่ยวกับสมุนไพรคืนชีพต่อไป และแล้วซีซั่นที่สองก็จบลงพร้อมกับปริศนาอีกมากมายที่รอให้เราหาคำตอบในซีซั่นหน้า
สำหรับเรื่องนี้ผมให้คะแนนความน่าดูไปที่ 5/5
คำศัพท์ที่น่าสนใจจากเรื่อง
คำว่า “วิ่ง” ไม่ได้มีแค่คำว่า “Run” นะ ยังมีคำว่า
Dash (v.) แปลว่า วิ่งแบบถลาไปข้างหน้า
Race (v.) แปลว่า วิ่งแข่ง
Sprint (v.) แปลว่า วิ่งแข่งระยะสั้น
Gallop (v.) แปลว่า วิ่งหรือควบอย่างรวดเร็ว
Scurry (v.) แปลว่า วิ่งแบบจ้ำอ้าว ลนลาน รีบร้อน
และคำว่า “กลัว” ไม่ได้มีแค่ “Fear” ยังมีคำอื่นอีกนะ
Afraid (v.) แปลว่า เกรงกลัว
Appall (vt.) แปลว่า น่ากลัว
Terrify (vt.) แปลว่า น่าสะพรึงกลัว
Scared (adj.) แปลว่า กลัว
Frightened (adj.) แปลว่า หวาดกลัว
( cr. netflix )
พูดคุย
ร่วมให้กำลังใจหรือติชม