การถ่ายทอดคำพูดของผู้อื่น (Reported Speech)

การถ่ายทอดคำพูดของผู้อื่น (Reported Speech)
Last update 13 / 03 / 22by: Teacher Guru909 viewed

Reported Speech คือ การถ่ายทอดคำพูดของผู้อื่น

 

Reported Speech คืออะไร?

คือ วิธีการที่เราจะนำเอาคำพูดของใครคนหนึ่งไปเล่าต่อให้คนอื่นฟัง เพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเจ้าของเรื่อง

 

รูปแบบของ Reported Speech

Reported Speech มีอยู่ 2 รูปแบบ คือ

  1. Direct Speech
  2. Indirect Speech

 

 

นอกจากนี้ในตัวของ Reported Speech เอง มีโครงสร้าง 2 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ The Reporting Clause และ The Reported Clause.

  • The Reporting Clause จะประกอบด้วยกริยานำ (reporting verbs) ยกตัวอย่างเช่น say, tell, ask, reply, shout ส่วนมากอยู่ในรูปของ Past Simple
  • The Reported Clause จะเป็นสิ่งที่ผู้พูดได้เริ่มกล่าวไว้

 

โครงสร้างของ Reported Speech

Reporting clause Reported clause
Janny said, I need a cup of coffee
He shouted, Fire! Fire! Move on.

 

ส่วน Direct and Indirect Speech มีรูปแบบดังต่อไปนี้

  1. Direct speech – คือ การยกเอาคำพูดคนอื่นมาพูดแบบตรงๆ โดยไม่มีการเปลี่ยนโครงสร้างของประโยคแต่อย่างใด ประโยคแบบนี้จะมีตัวช่วยตัวหนึ่งคือ เครื่องหมาย Quotation mark หน้าตาเป็นแบบนี้ “……” ตัวอย่างเช่น
  • Emma said, “I will wash all the dishes.”

หรือสลับตำแหน่งกันก็ได้    “ I will wash all the dishes,” Emma said.

 

** ข้อสังเกตก็คือ หลังประโยคหลักจะคั่นด้วย comma เสมอ และประโยคในเครื่องหมาย quotation mark จะขึ้นต้นด้วยตัวพิมพ์ใหญ่เสมอ แต่ในประโยคตัวอย่างที่สองถ้าเอาประโยคที่เป็นคำพูดไว้ด้านหน้าและใส่ชื่อคนพูดไว้ด้านหลัง เวลาที่จบประโยคในเครื่องหมายคำพูดให้ใส่ comma แล้วค่อยปิดท้ายด้วย quotation mark แล้วจึงใส่ชื่อคนพูด ตบท้าย

 

  1. Indirect speech – คือ การยกเอาคำพูดของผู้อื่นขึ้นมาพูด ลักษณะเหมือนเป็นการรายงานหรือปรับรูปประโยคให้เป็นเหมือนคำพูดของผู้เล่าเอง ในลักษณะนี้จึงมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประโยคเดิม Indirect speech แบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกันคือ

 

2.1 Indirect speech – statement คือการรายงานประโยคบอกเล่าหรือปฏิเสธ

2.2 Indirect speech – commands, requests and suggestions คือ การรายงานประโยคที่เป็นประโยคขอร้อง ประโยคคำสั่ง หรือ ขออนุญาต

2.3 Indirect speech – question คือการรายงานประโยคที่เป็นคำถาม

 

หลักการเปลี่ยน Indirect speech – statement

ในการเปลี่ยนจาก direct speech เป็น indirect speech นั้น วิธีการและขั้นตอนยุ่งยากเอาการพอสมควร เพราะต้องมีการเปลี่ยนโครงสร้างประโยค โดยเฉพาะเปลี่ยน tense ของประโยคที่เขาพูดมา และต้องเอา comma ออก แล้วใส่ said that หรือบางครั้งอาจจะใช้ complained that, admitted that แล้วแต่กรณี ดังนี้

 

                    Present simple tense ———->> past simple tense

เช่น

Direct speech :   The officer said, “We work for the town council.”

Indirect speech :    They said they worked for the town council.

 

                    Present continuous tense ————>> past continuous tense

เช่น

Direct speech :   Marry said, “I’m doing the washing.”

Indirect speech :    Marry said she was doing the washing.

 

                    Past simple tense ————->>   past perfect tense

เช่น

Direct speech :   He said, “I decided to leave earlier today.”

Indirect speech :    He said he had decided to leave earlier that day.

 

                    Past continuous tense —–>> past perfect continuous tense

เช่น

Direct speech :   She said, “I wasn’t telling the truth.”

Indirect speech :    She admitted that she hadn’t been telling the truth.

 

                    Present perfect tense ———->> past perfect tense

เช่น

Direct speech :   She said, “My guest haven’t arrived yet.”

Indirect speech :    She said her guest hadn’t arrived yet.

 

                        Future simple tense (will) —–>> Future (past form) tense (would)

เช่น

Direct speech :   She said, “I will submit my homework tomorrow.”

Indirect speech : She said she would submit her homework the following day.

 

                              Can              ————->>      could

เช่น

Direct speech :   Tom said, “I can’t say any more.”

Indirect speech :    Tom said he couldn’t say any more.

 

                              May             ———–>>                   might

เช่น

Direct speech :   The manager said, “The company may cancel the trip.”

Indirect speech :    The manager said the company might cancel the trip.

 

** แต่ในกรณีที่ข้อความนั้นหรือความรู้สึกนั้นเป็นความจริงเสมอ หรือยังเป็นความจริงอยู่ในขณะนั้น เมื่อนำคำพูดมารายงานจะไม่มีการเปลี่ยน tense ของประโยค       นอกจากจะเปลี่ยน tense แล้ว ยังมีการเปลี่ยนคำสรรพนาม คำบอกเวลา หรือคำแสดงระยะจากใกล้เป็นไกลด้วย ตัวอย่างเช่น

 

Year / month ago    ———-> year / month before

 Next…(week/month/year) ———-> the following ……

Now              —————-> then, at that time

 Today           —————>     that day

 Tomorrow   —————> the following day

 Yesterday —————-> the day before

 Here   ——————->   there

 This    ————-> that

 These ————–> those

 

ตัวอย่างเช่น

Direct speech : Sarah said, “I arrived here an hour ago.”

Indirect speech : Sarah said (that) she had arrived there an hour before.

 

Direct speech : The students said, “We will start our course next month.”

Indirect speech : The students said they would start their course the following month.

 

Direct and Indirect Speech (2)

ในตอนที่ 1 ได้พูดเกี่ยวกับ direct speech และการเปลี่ยนประโยคบอกเล่าและปฏิเสธของ direct speech เป็น indirect speech  ในตอนที่ 2 นี้เราจะมาต่อกันที่ การเปลี่ยนเป็น indirect speech ในประโยคคำถามและประโยคคำสั่งและขอร้อง

 

 

หลักการเปลี่ยนประโยคคำถามเป็น indirect speech

ในการเปลี่ยนประโยคคำถามจะแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะคือ

  1. ประโยคคำถามที่เป็น Yes/No question

 

ในประโยคคำถามเราจะไม่ใช้กริยาในประโยคหลักเป็น say/said แล้ว แต่จะใช้เป็น ask, inquire, want to know หรือ wonder แทน ส่วน Tense ก็จะมีการเปลี่ยนเช่นเดียวกับประโยคบอกเล่า

 

ในประโยคคำถามจะใช้ if, whether, whether…or not หรือ whether or not ในการเชื่อมประโยคแทน และจะไม่ใส่เครื่องหมาย ? ท้ายประโยค รูปประโยคจึงมีหน้าตาเหมือนกับประโยคบอกเล่าธรรมดา แต่มีความหมายเป็นคำถาม ตัวอย่างเช่น

  • The reporter asked if his union had agreed the new pay deal.
  • Sarah wanted to know that whether the Minister had answered her questions or not.
  • He wondered if that soup tasted good.

 

  1. ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย Wh-question

คำกริยาหลักในประโยคยังคงเหมือนกับแบบ Yes/No question เพียงแต่ใช้คำแสดงคำถามหรือ Wh-question words เข้ามาเชื่อมประโยคแทน และการเรียงลำดับคำในประโยคจะเรียงเหมือนกับประโยคบอกเล่า (ประธาน + (กริยาช่วย) + กริยา + กรรม) จะไม่เหมือนการเรียงประโยคคำถาม ( Wh-words + กริยาช่วย + ประธาน + กริยา) เช่น

 

Direct speech :   He said to me, “Where is my bag?”

Indirect speech : He asked where his bag was.

 

Direct Speech:   She said to him, “How did you make it?”

Indirect Speech: She asked him how he had done it.

 

หลักในการเปลี่ยนประโยคคำสั่ง อนุญาต เสนอแนะ และขอร้องเป็น Indirect speech

หลักในการเปลี่ยนก็จะมีการเปลี่ยน tense เช่นเดียวกัน แต่คำกริยาหลักในประโยคจะเปลี่ยนเป็นกริยาดังต่อไปนี้

ask (ร้องขอ)             command (สั่ง)                 order (สั่ง)

advice (แนะนำ)       propose (แนะนำ)              warn (เตือน)

forbid (สั่งห้าม)

 

เราจะใช้ to + V1 ในการขอร้อง แนะนำ บอก หรือ สั่งให้ทำ ถ้าเป็นปฏิเสธให้ใช้

not to + V1  อีกประการหนึ่งก็คือถ้าประโยค Direct Speech นั้นไม่มีกรรม ให้เติมกรรมลงไปในประโยค Indirect Speech ด้วย และถ้าหากมีคำว่า “please” ในประโยค Direct Speech ให้ตัดทิ้งด้วยเช่นกัน เช่น

 

Direct Speech:   He asked, “Please let me go to the party.”

Indirect Speech: He asked me to let her go to the party.

 

Direct Speech:   Doctor advised, “Don’t smoke”

Indirect Speech: Doctor advised me not to smoke.

 

 

ขอบคุณและศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ www.oxbridge.in.th

การถ่ายทอดคำพูดของผู้อื่น (Reported Speech)Reported SpeechDirect SpeechIndirect Speech
พูดคุย

พูดคุย

ร่วมให้กำลังใจหรือติชม